ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประวัติของศุภโชค ศรีสุขจร: เวลา 14:30 น. วันที่ 11 ต.ค.66, ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากรพ.กรุงเทพฯ สนามจันทร์ว่ามีบรรดาญาติได้พบภญ.ญาดาภา (ข้อตกลงให้สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี, ภรรยาของนายศุภโชค ศรีสุขจร, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มาพบแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือชีวิตหลังพยายามทำร้ายตนเองในบ้านของเขา แพทย์รายงานว่าเธอเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ตำรวจได้รับการแจ้งให้มาตรวจสอบ
เชฟตุ๊กตา สุพัตรา สารสิทธิ์ ประวัติ อายุ ร้านอาหารไทยชื่อดัง
ประวัติ หยัง วิธวิทย์ ฟูจิตนิรันดร์ ชีวิตรักและครอบครัวของเศรษฐีพันล้าน
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประวัติของศุภโชค ศรีสุขจร
เวลา 14:30 น. วันที่ 11 ต.ค.66, ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากรพ.กรุงเทพฯ สนามจันทร์ว่ามีบรรดาญาติได้พบภญ.ญาดาภา (ข้อตกลงให้สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี, ภรรยาของนายศุภโชค ศรีสุขจร, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 1 จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มาพบแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือชีวิตหลังพยายามทำร้ายตนเองในบ้านของเขา แพทย์รายงานว่าเธอเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ตำรวจได้รับการแจ้งให้มาตรวจสอบ
จากการสอบถามญาติเบื้องต้น, ทราบว่าในขณะที่เมืองเข้าไปทำความสะอาดในบ้านพักส่วนตัวในเขตอำเภอเมืองนครปฐม, เธอพบเจอภญ.ญาดาภา ทันทีจึงรีบเรียกญาติมาตรวจสอบในหวังว่าอาจยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ต่างจากรายงานสืบสวน, ทราบว่าภญ.ญาดาภาได้แต่งงานเพิ่งผ่านไปปีเดียว และยังไม่มีบุตร
การสอบถามยังพบว่าภญ.ญาดาภามีประวัติของโรคซึมเศร้า ซึ่งตลอดเวลาได้รับการดูแลจากครอบครัว และสามีได้รับการตรวจสอบและรับประทานยาตามคำแนะนำ ในขณะที่นี้เป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มสภาพจิตที่ไม่ดี นายศุภโชคต้องเข้าไปประชุมในสภา และจึงต้องออกเดินทางออกจากบ้าน ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ภญ.ญาดาภา หรือน้องเตย ถูกพบนอนหมดสติในห้องนอนภายในบ้านพรเทวา ซอย 7 ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม ที่เป็นบ้านเรือนแบบไทยโบราณบนที่ดินหลายไร่ แม่บ้านพบเห็นเธอนอนหมดสติ และมีความเสียหายเสียใจกล่าวหาว่าน่าจะเป็นการอัตวินิบาตกรรม หน่วยฉุกเฉินได้รีบนำเธอส่งโรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์เพื่อพยาบาลชีวิต แต่แพทย์ตามความสามารถของตนกล่าวว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว ข่าวเหตุนี้ได้สร้างความตกใจให้กับสาธารณชนและแฟนคลับของ ส.ส.ฟิล์ม ซึ่งทราบว่าคู่นี้เพิ่งเจริญเรียบร้อยจากพิธีมงคลสมรสไม่นาน ก่อนที่จะมาลงสมัครเลือกตั้งล่าสุดซึ่งเป็นครั้งแรกของเขาในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จากการสอบถามกับผู้รู้จักทั้งคู่ รู้ว่าภญ.ญาดาภาหรือน้องเตยได้มีโรคซึมเศร้ามานาน แม้กระนั้นเธอยังได้ทำงานสังคมบางอย่างและได้รับความรักจากครอบครัวและเพื่อนฝูง เนื่องจากเตยเป็นคนใจดีและเป็นกันเอง ยิ้มแย้มง่าย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครอบครัวของเธอและครอบครัวของ ส.ส.ฟิล์ม ได้ร่วมกันดูแลเอาใจใส่เธอ แม้กระนั้นเนื่องจากโรคที่เป็นประจำตัว เธอมีความอ่อนเพลียง่าย อาจจะทำให้เกิดความเครียดในช่วงฟื้นฟู ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนและหลังการเลือกตั้ง ส.ส.ฟิล์ม ได้ให้ความช่วยเหลือและทำงานร่วมกับชุมชนอย่างหนัก ทั้งในเรื่องของครอบครัว และนโยบาย และกำลังการทำงานเร่งด่วนในการก่อสร้างอุโมงค์ลอดข้ามถนนเพชรเกษม เพื่อให้การจราจรปลอดภัยสำหรับประชาชน รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจ โดยถูกอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรล่าสุด ในขณะที่เอฟซีหลายคนทราบถึงความสิ้นหวังของการสูญเสียคู่รักที่มีความสามารถและแรงบันดาลใจของ ส.ส.ฟิล์ม ที่ไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง”
ประวัติของศุภโชค ศรีสุขจร
ฟิล์ม-ศุภโชค ศรีสุขจร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา อดีตเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ปัจจุบันเป็นสมาชิกองค์การบริหารจังหวัด (ส.อบจ.) นครปฐม
สมัยที่ศุภโชคเป็นเจ้าหน้าที่ กลต. หน้าที่หลักคือตรวจสอบความผิดปกติของบริษัทในตลาดทุน ว่ามีการทุจริตของผู้บริหารหรือไม่ เพื่อความโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักลงทุน
เพราะอยู่ในครอบครัวการเมือง อากงและอาม่าเคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และศุภโชคเป็นบุตรชายของ ธงชัย ศรีสุขจร อดีต ส.ว.นครปฐม และยังเป็นสมาชิกองการบริหารส่วนจังหวัด 4 สมัย จึงได้ซึมซับการทำงานการเมือง โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่นทำให้มีเป้าหมายว่าอยากจะนำความรู้มาพัฒนาจังหวัดนครปฐม จึงเลือกลาออกจาก กลต. และลงสมัคร ส.อบจ.
จากการเป็น ส.อบจ. ได้ร่วมทำงานกับผู้ใหญ่หลายคน รวมถึง จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ จึงได้รู้จักกับ อนุชา สะสมทรัพย์ และ ประเดิมชัย สะสมทรัพย์ ซึ่งตระกูลสะสมทรัพย์อยู่ในสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้ศุภโชคมีโอกาสเจอกับ วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และได้พูดคุยอุดมการณ์ แนวทางการทำงาน ซึ่งศุภโชคมองว่าตอบโจทย์กับประชาชน และเตรียมเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อายุน้อยที่สุดของชาติไทยพัฒนา
“วราวุธเล็งเห็นว่าปัจจุบันการเมืองไม่ได้เป็นแค่ของคนรุ่นใหญ่อย่างเดียว จึงได้ผสมผสานการทำงานในพรรค ให้มีประสบการณ์จากคนรุ่นใหญ่ และมีแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ผมจึงอาสามาเป็นส่วนหนึ่งในการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้”
หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นรวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายแห่ง อย่างไรก็ตามในระหว่างกระบวนการเขียนและเผยแพร่เนื้อหาอาจมีข้อผิดพลาด หากผู้อ่านพบข้อผิดพลาด โปรดแสดงความคิดเห็นและเราจะตรวจสอบข้อมูลโดยเร็วที่สุด